เจาะลึก มหัศจรรย์ น้ำมันปลา Omega3
มหัศจรรย์…สุขภาพ OM-3
ทานอย่างไรให้ได้ประโยชน์?
อาหารที่เป็นอายุวัฒนะเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ และพยายามเสาะหามาต่อเนื่องตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน และยังคงดำเนินต่อไป อีกในอนาคต ถาวะโลกในปัจจุบันดูเหมือนว่าเรื่องอาหารการกินจะมีปัญหามากขึ้นกว่าในอดีต ทั้งนี้เนื่องจากภาวะการเปลี่ยนแปลงของโลกและการเปลี่ยนแปลงของภาวะสังคมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารจำพวกไขมันเป็นสิ่งที่มีการพูดถึง (ในแง่ลบ) และโต้แย้งกันทุกมื้อ
อันที่จริงแล้วไขมันเป็นองค์ประกรอบสำคัญของร่างกาย เช่น มันสมอง ผิวพรรณ การสร้างฮอร์โมน เป็นต้น สภาพของไขมันก่อนที่จะแปรสภาพเป็นพลังงาน อยู่ในรูปของ กรดไขมัน (Fatty Acids)
กรดไขมันที่คนเราบริโภคเข้าไปนั้นมีหลายชนิด บางชนิดเราบริโภคเข้าไปใช้เป็นประโยชน์ ถ้ามีไม่พอใช้ร่างกายก็สร้างขึ้นมาได้ แต่ผู้ที่บริโภคเข้าไปมากเกินก็อาจมีผลเสียที่ต้องไปหาที่เก็บและสะสมมากขึ้นจนกลายเป็นความอ้วนและเป็นโรคอ้วนในที่สุด ยังมีไขมันอีกประเภทหนึ่งที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้แต่ไม่สามารถสร้างในร่างกายได้คือ กรดไขมันจำเป็น (Essential Fatty Acids)
กรดไขมันคืออะไร?
กรดไขมันเป็นกรดอินทรีย์ที่มี มีคาร์บอนในสายอยู่มาก (ประมาณ 20 ตัว) แบ่งเป็นสองกลุ่มคือ
กลุ่มอิ่มตัว และกลุ่มไม่อิ่มตัว (Saturated and Unsaturated FA) ซึ่งกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่สำคัญคือ Polyunsaturated Fatty Acids (PUFA) ได้แก่ โอเมก้า 3 และ 6 (OM3,6)
OM 3 ได้จากน้ำมันปลา ที่มีส่วนสำคัญคือ DHA Docosahexaenoic acid (c22:6 n-3), และ EPA. Eicosapentaenoic acid (c20:5 n-3), และ ALA Alpha-Linolenic acid (c18:3 n-3)
OM 6 ได้จาก พืช น้ำมันข้าวโพด น้ำมันทั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน และน้ำมันรำข้าว
ซึ่งโดยทั่วไปเรามักได้รับมากจนบางครั้งมากเกินไปจากอาหารประจำวันอยู่แล้ว และหากบริโภคเป็นเวลานาน จะเกิดผลเสียมากกว่า เพราะอาจสร้างสารก่อการอักเสบ ได้เท่านั้น…ได้แก่กรดภูมิคุ้มกัน ลดระดับไขมันดี (HDL) ทำให้ไขมันเลวเกิดออกซิเดชั่นเกาะกับหลอดเลือดเกิดนิ่วในถุงน้ำดี และเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
OM 3 มีความสำคัญต่อสุขภาพอย่างไร
- พัฒนาสมองทารกแรกเกิด โดยพบว่า OM 3 ช่วยสมอง ทุกด้าน ที่สำคัญคือ สมาธิ และความทรงจำ ความสามารถในการเรียนรู้การพูด และภาษา สำหรับในช่วงการเติบโตจากวัยทารกสู่วัยเด็ก และวัยรุ่น OM 3 ยังช่วยให้มีความสามารถในการอ่าน เขียน เรียนรู้ และสมาธิดีขึ้นอีกด้วย
- สำหรับผู้ใหญ่ OM 3 ทำให้สุขภาพแข็งแรง เพิ่มภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆ และสามารถชะลอวัยได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังลดความเสี่ยงต่อ โรคหัวใจ และระบบการไหลเวียนเลือด ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดแดงหัวใจตีบตัน กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หัวใจวาย ไตอ่อนแอจนถึงไตวายได้
- OM 3 มีบทบาทในการเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยลดปัญหาเรื่องการอักเสบต่าง ๆ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคปวดกระดูกสันหลังเรื้อรัง โรคเข่าเสื่อม โรคลำไส้อักเสบ โรคลูปัส (โรคพุ่มพวง) โรคอัมพาตทั้งตัวจากเนื้อเยื่อแข็ง
- OM 3 ช่วยป้องกันมะเร็งเต้านมในสตรี ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากในสุภาพบุรุษ และป้องกันมะเร็งลำไส้ในทั้งสองเพศ
- โรคผิวหนัง เช่น สะเก็ดเงิน ทำให้อาการ ทุเลาลงได้
- ช่วยชะลอวัยและทำให้มีอายุยืน ซึ่งเป็นยอดปรารถนาของทุกคนดังได้กล่าวมาข้างต้น
ประโยชน์น้ำมันปลา Fish oil โอเมก้า 3 หรือ Omega 3 ในช่วงวัยต่างๆ
Omega 3 – ทารกและสตรีมีครรภ์
DHA ในน้ำมันปลา โอเมก้า 3 หรือ Omega 3
มีความจำเป็นต่อการพัฒนาของจอตาและสมองของทารก
แต่ทารกไม่สามารถสังเคราะห์ DHA ได้ด้วยตนเอง ต้องอาศัยจากน้ำนมแม่
โดย FAO และ WHO ระบุว่า ทารกแรกเกิดควรได้รับ DHA
ไม่ต่ำกว่าวันละ 40มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม
จากการศึกษายังพบว่า เด็กที่คลอดก่อนกำหนด เมื่อได้รับนมเสริม DHA
จะสามารถมองเห็นได้ชัดเร็วกว่าเด็กที่ไม่ได้รับอีกด้วย มารดาและหญิงที่ให้นมบุตร
จึงควรบริโภค DHA อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ DHA ที่ได้รับ
ส่งต่อไปยังลูกโดยผ่านทางรกและน้ำนม
ป้องกันการคลอดก่อนกำหนดและทารกน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์
การมีปริมาณกรดไขมัน omega 3 ในสมองต่ำ ทำให้เป็นโรคสมาธิสั้นในเด็ก
สตรีตั้งครรภ์ที่ได้รับ omega 3 ไม่เพียงพอ มีความเสี่ยงที่จะเกิด
ความดันโลหิตสูงขณะคลอด(Preclampsia)
และมักมีภาวะซึมเศร้าหลังคลอด(Postpartum depression)
นมแม่มี EPA สูงกว่านมผงดัดแปลงสำหรับเลี้ยงทารก 2.5 เท่า
และมี DHA สูงกว่าถึง 30 เท่า
Omega 3 -เด็กวัยเรียนรู้
DHA ในน้ำมันปลา โอเมก้า 3 หรือ Omega 3 เป็นส่วนหนึ่งของเซลล์สมอง
และเซลล์ประสาทซึ่งมีผลต่อสติปัญญา หากร่างกายขาด DHA
จะทำให้เซลล์สมองและเซลล์ประสาทขาดประสิทธิภาพไปด้วย
เด็กในวัยนี้จึงควรได้รับ DHA ในปริมาณที่เหมาะสม
เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และการเจริญเติบโตของสมอง
Omega 3 -วัยทำงาน
คนในวัยทำงานมักประสบความเครียดอยู่เสมอ นั่นเป็นเพราะสมองทำงานหนักเกินไป
หรือ อีกนัยหนึ่งเป็นเพราะร่างกายขาด DHA
เมื่อได้รับ DHA ในน้ำมันปลา โอเมก้า 3 หรือ Omega 3 ในปริมาณที่เหมาะสม,
DHA จะผ่านเข้าไปเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาทของเซลล์สมอง
ที่เรียกว่า เดนไดรท์ (Dendrite) ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณ
และผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์สมอง ด้วยกัน ทำให้สมองทำงานดีขึ้น
หากรับประทานอาหาร ที่มี DHA จำนวนมากอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้สัดส่วนของ DHA ในสมองสูงขึ้น
ซึ่งหมายความว่า ความเครียดจะลดลง และทำงานได้ดียิ่งขึ้น
Omega 3 -ผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุจะเกิดภาวะสมองเสื่อม หรือโรคอัลไซเมอร์ได้ง่ายกว่าคนในวัยอื่นๆ
โดยไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุอะไร
แต่จากการทดลองโดยการให้ DHA ในน้ำมันปลา
โอเมก้า 3 หรือ Omega 3 แก่ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ในโรงพยาบาล คิชิไคกัน ประเทศญี่ปุ่น
ปรากฎว่า เมื่อได้มีการทดสอบความฉลาดด้านภาษาและกิริยาท่าทาง
เช่น ความสามารถในการคำนวณ ความสามารถในการตัดสินใจ
และประสิทธิภาพระดับสูงกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับ DHA เป็นเวลา 6 เดือน
จะมีขอบข่ายอาการที่ดีขึ้นมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับ DHA ในน้ำมันปลา โอเมก้า 3 หรือ Omega 3อย่างเห็นได้ชัด